ฟรีค่าจัดส่ง
ซื้อสินค้า 1000 บาทขึ้นไป
โอนผ่านบัญชี
วิธีการชำระเงิน
24/7 ช่วยเหลือ
เจ้าหน้าที่ Support
สินค้าของแท้ 100%
สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
เปลี่ยนสินค้า
สินค้ามีปัญหาเครมง่าย
ลำโพง (Speaker) อุปกรณ์ที่อยู่ในลำดับสุดท้ายของระบบเสียง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเชิงกลชนิดหนึ่ง ที่คอยทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นเสียงโดยอาศัยกำลังขยายจากเครื่องขยายเสียง แล้วขับออกมาจนเกิดเป็นเสียงที่เราได้ยินกันนั่นเอง
โดยทั่วไปคำว่า ‘ลำโพง’ เป็นการเรียกรวมกัน ทั้งดอกลำโพงหรือตัวขับ (Driver) และลำโพงทั้งตู้ (Speaker System) ซึ่งประกอบด้วยลำโพงและวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแบ่งย่าน ความถี่ (Crossover Network)
สำหรับระบบเสียงแล้ว หากจะวัดกันว่าระบบเสียงนั้นดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับลำโพงนี่เอง ซึ่งมาตรฐานของลำโพงที่ดี ควรให้เสียงที่มีความเหมือนกับต้นฉบับ หรือใกล้เคียงกับสัญญาณที่ป้อนเข้ามามากที่สุด หรือมีความผิดเพี้ยนจากเสียงต้นฉบับให้น้อยที่สุด
ลำโพงที่เราพบเห็นได้ทั่วไปมีรูปร่างหน้าตาและขนาดที่หลากหลาย แต่นั่นเป็นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ซึ่งการแบ่งประเภทของลำโพงจริงๆ แล้ว สามารถแบ่งได้จากการให้เสียง เพราะลำโพงแต่ละประเภทนั้นจะให้เสียงที่แตกต่างกันออกไปตามย่านความถี่เสียง โดยหลักๆ แบ่งได้ทั้งหมด 5 ประเภท ดังนี้
ลำโพงที่ตอบสนองย่านความถี่เสียงได้กว้างที่สุด กล่าวคือสามารถให้เสียงได้ครบทุกช่วงเสียง ทั้งสูง – กลาง – ต่ำ ในดอกเดียวกัน
ลำโพงที่ตอบสนองต่อย่านความถี่ที่ต่ำที่สุด (Deep Low) อยู่ที่ประมาณ 20-200 Hz ซึ่งเป็นย่านเบสที่ลึกมากจนหูของคนเราไม่สามารถได้ยิน โดยลำโพงประเภทนี้จะให้เสียงที่ทรงพลังและหนักแน่น
ลำโพงที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบสนองย่านความถี่กลางๆ (ไม่สูงหรือไม่ต่ำเกินไป) หรือที่เรียกกันว่า ‘mid frequency’ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 300 – 5,000 Hz ซึ่งเป็นช่วงเสียงร้องของนักร้องนั่นเอง
ลำโพงเสียงแหลมที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ตอบสนองย่านความถี่เสียงสูง ประมาณ 2,000 – 20,000 Hz ซึ่งเป็นความถี่สูงสุดที่หูของคนเราจะสามารถได้ยิน โดยลำโพงประเภทนี้จะให้เสียงกีตาร์ได้ดี
ลำโพงประเภทนี้ เป็นการนำเอาลำโพง 2 ประเภทมารวมไว้ด้วยกันในตัวเดียว นั่นคือ Tweeter และ Mid-Range ทำให้เสียงพุ่งออกมาจากจุดเดียวกัน ทำให้เสียงที่ออกมามีความชัดเจน
ตำแหน่งของการจัดวางตำแหน่งลำโพงที่เหมาะสม มีส่วนช่วยให้ลำโพงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีเทคนิคง่ายๆ ต่อไป
การจัดวางลำโพงในระยะห่างที่เท่ากันกับจุดที่ฟัง จะทำให้ลำโพงให้เสียงที่ดี
การจัดวางลำโพงโดยให้มีระยะห่างจากกำแพง จะทำให้เราได้ยินย่านเสียงต่ำน้อยลง แต่จะให้มิติของเสียง (สเตอริโอ) ที่สมจริงขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงการจัดวางลำโพงในมุมอับ เพราะลำโพงจะให้เสียงเบสที่มากเกิน จนกลบเสียงย่านอื่น ทำให้เสียงขาดความสมดุล
ควรอ่านคู่มือประกอบด้วย เพราะลำโพงในบางรุ่นจะมีข้อแนะนำการจัดวางตำแหน่งลำโพงเฉพาะรุ่นนั้นๆ อยู่
ทุกวันนี้ในท้องตลาดมีลำโพงให้เลือกหลากหลาย ทั้งประเภท ดีไซน์ รวมไปถึงรูปแบบการติดตั้ง อาทิเช่น แบบตั้งพื้น แบบตั้งบนขาตั้ง แบบตั้งบนหิ้ง แบบแซทเทิลไลท์ฝังในผนัง แบบติดฝาผนัง เป็นต้น ดังนั้นจึงควรทำการคัดกรองตัวเลือกที่ตรงกับความชอบ (รสนิยม) ควบคู่ไปกับลักษณะการใช้งานด้วย
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อลำโพงมาใช้งาน ควรจะต้องเช็คกำลังวัตต์ให้ดี โดยจะต้องมีความสอดคล้องกับแอมป์ (Power Amplifier) ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว ควรเลือกจับคู่ลำโพงกับแอมป์ที่มีกำลังวัตต์สูงสุดที่ไม่เกินค่า (Peak Power) ของลำโพง ทั้งนี้ก็เพื่อให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้แอมป์มีกำลังวัตต์น้อยกว่าลำโพงโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้การทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังมีโอกาสทำให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้แอมป์และลำโพงเกิดความเสียหายได้
แม้ว่าเราจะมีสเปกลำโพงที่ต้องการอยู่ในใจแล้วก็ตาม แต่ได้ทดลองใช้งานหรือได้สัมผัสของจริงก็น่าจะสร้างความมั่นใจได้มากกว่า ซึ่งเครื่องมือที่ดีที่สุดในการทดสอบประสิทธิภาพของลำโพง นั่นก็คือ ‘หู’ ของคนเรานั่นเอง
ฉะนั้นก่อนตัดสินใจ หากเป็นไปได้ควรทดลองฟังเสียงด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงลักษณะงานที่เราจะนำลำโพงไปใช้ เช่น ลำโพงสำหรับฟังเพลง ก็ควรเช็คดูว่าลำโพงนั้นให้มิติของเสียงครบหรือไม่ ทั้งเสียงทุ้ม-เสียงแหลม รวมไปถึงความสมจริงของเสียงดนตรี หรือลำโพงสำหรับเล่นเกมส์ หากต้องการลำโพงที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์ ควรเลือกลำโพงที่ให้เสียงทุ้มและดัง มีกำลังวัตต์สูงๆ ซึ่งสามารถทดสอบเสียงด้วยการลองเล่นเกมส์ที่มีซาวนด์เอฟเฟกต์หลากหลาย
ข้อแนะนำ ไม่ควรเลือกซื้อลำโพงจากรูปทรงหรือดีไซน์ภายนอก หลายคนมักหลงเชื่อกันว่าลำโพงขนาดใหญ่ ดีไซน์ทันสมัย จะให้เสียงที่ดี ซึ่งนั่นเป็นความเชื่อที่ผิด
No account yet?
Create an Account